การทำ SEO ไม่ใช่แค่การใส่คีย์เวิร์ดในบทความเท่านั้น แต่ยังประกอบด้วยหลายองค์ประกอบที่ส่งผลต่ออันดับของเว็บไซต์ในหน้าผลลัพธ์การค้นหา (SERPs) โดย SEO สามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ประเภทหลัก ๆ ได้แก่ On-page , Off-page และ Technical ซึ่งแต่ละประเภทมีบทบาทที่แตกต่างกันในการเพิ่มประสิทธิภาพของเว็บไซต์
ก่อนจะไปถึงความหมายโดยละเอียดของ SEO ทั้ง 3 ประเภท จะทำการเปรียบเทียบง่าย ๆ กันก่อนว่า SEO ทั้ง 3 นั้นคืออะไรกันแน่
โดยจะเปรียบเทียบเป็นร้านค้าร้านหนึ่ง
On-page SEO คือกระบวนการปรับแต่ง “สิ่งที่อยู่ภายในเว็บไซต์” ของคุณให้เป็นมิตรกับ Search Engine อย่าง Google ทั้งในแง่เนื้อหา โครงสร้างเว็บไซต์ และองค์ประกอบอื่น ๆ เพื่อให้ Google เข้าใจเว็บไซต์คุณได้ดีขึ้น และจัดอันดับได้อย่างเหมาะสม
กล่าวง่าย ๆ คือ การทำให้ “เว็บไซต์ของคุณดีพอที่จะติดอันดับ” ตั้งแต่โครงสร้างจนถึงเนื้อหา
เมื่อเทียบกับร้านค้าอีกครั้ง ต่อให้คุณโปรโมทร้านเก่งแค่ไหน (เหมือนกับ Off-page SEO) หรือร้านแข็งแรงปลอดภัยแค่ไหน (เหมือนกับ Technical SEO)
On-page SEO จึงเป็นเหมือนการดูแลความเรียบร้อยและเสน่ห์หน้าร้าน ทำให้ทั้งลูกค้าจริงและ Google เข้าใจว่า “ร้านนี้ขายอะไร และน่าเชื่อถือแค่ไหน”
ถ้าคุณคือเจ้าของธุรกิจที่อยากให้เว็บไซต์เติบโตในโลกออนไลน์ On-page SEO คือจุดเริ่มต้นที่ไม่ควรมองข้าม เพราะมันเปรียบเสมือน “การเตรียมร้านให้พร้อมต้อนรับลูกค้า” ไม่ว่าจะเป็นการจัดร้าน (โครงสร้าง), ป้ายชื่อร้าน (Title), หรือแม้แต่การวางสินค้าให้สะดุดตา (เนื้อหา)
การทำ SEO ไม่ได้จบแค่ปรับแต่งหน้าเว็บไซต์ให้ดี (On-page SEO) แต่ยังมีอีกส่วนที่ทรงพลังไม่แพ้กัน นั่นคือ Off-page SEO หรือการสร้างความน่าเชื่อถือให้เว็บไซต์ “จากภายนอก” ซึ่งเปรียบเสมือน “เสียงลือเสียงเล่าอ้าง” ที่ทำให้เว็บไซต์กลายเป็นที่รู้จักและน่าเชื่อถือในสายตาของ Google และกลุ่มเป้าหมาย
Off-page SEO คือกิจกรรมทั้งหมดที่เกิดขึ้น นอกเว็บไซต์ โดยมีเป้าหมายเพื่อเสริมความน่าเชื่อถือ เพิ่มจำนวนลิงก์ (Backlinks) และสร้างสัญญาณบวก (SEO Signals) ที่ส่งผลต่อการจัดอันดับเว็บไซต์บน Google
ถ้าคิดแบบง่าย ๆ ก็เปรียบได้ว่า
ถ้าร้านของคุณจัดวางสินค้าเป๊ะ (On-page SEO) และสร้างร้านโครงสร้างดีมาก (Technical SEO)
แต่… ไม่มีใครรู้จัก ไม่มีใครพูดถึง
หาก On-page SEO คือการจัดร้านให้ดี Off-page SEO ก็คือการทำให้ “ร้านของเรากลายเป็นที่พูดถึง” ยิ่งมีคนลิงก์ มีคนแนะนำ มีคนบอกต่อมากเท่าไร Google ก็ยิ่งมั่นใจว่า “เว็บไซต์ของคุณมีคุณค่า” และเหมาะที่จะติดอันดับสูงไปด้วยนั่นเอง
เว็บไซต์ที่ดูดี ใช้ง่าย และมีคอนเทนต์คุณภาพอาจยังไม่พอสำหรับการทำ SEO ให้สำเร็จ ถ้า “โครงสร้างเว็บไซต์” ไม่พร้อม นั่นคือหน้าที่ของ Technical SEO หรือ “การปรับแต่งโครงสร้างเว็บไซต์เพื่อให้เหมาะกับ Google”
Technical SEO คือ การปรับปรุงด้านเทคนิคของเว็บไซต์ เพื่อให้ Google (และเครื่องมือค้นหาอื่น ๆ) สามารถ เข้าถึง (Crawl), ทำความเข้าใจ (Index) และ จัดอันดับ (Rank) เว็บไซต์ของคุณได้อย่างมีประสิทธิภาพ
แม้ Technical SEO จะไม่เกี่ยวกับการเขียนบทความ หรือการหาลิงก์จากเว็บอื่น (เหมือน On-page หรือ Off-page) แต่กลับเป็น “พื้นฐานสำคัญ” ที่ต้องทำให้เรียบร้อยก่อนทำ SEO ขั้นอื่น ๆ
กลับไปที่การเปรียบเทียบเป็นร้านอีกครั้ง ต่อให้ตกแต่งร้านสวยแค่ไหน ถ้าโครงสร้างร้านไม่แข็งแรง ก็ไม่มีใครกล้าเข้า Google ก็คิดแบบเดียวกัน
เพราะไม่ใช่แค่ “สวยงามภายนอก” เท่านั้นที่จะทำให้ลูกค้าเข้าร้าน แต่ การเข้าถึงง่าย ปลอดภัย และชัดเจน ต่างหากที่ทำให้ลูกค้าตัดสินใจอยู่ต่อและซื้อสินค้า
Google เองก็เหมือนลูกค้า ถ้าร้านคุณเดินยาก สับสน หรือโหลดช้า Google ก็จะไม่แนะนำร้านคุณให้ใครรู้จัก
การทำ SEO ก็เหมือนกับการจัดการบริหารร้านค้าร้านหนึ่ง ต้องคำนึงถึงทั้งหน้าร้าน (On-page) ที่ดี คำนึงถึงกระแสที่เกิดขึ้นกับร้าน (Off-page) และโครงสร้างของร้าน (Technical) ที่ขาดไม่ได้นั่นเอง