SGE คืออะไร? ต่างจาก SEO เดิมอย่างไร?

May 9, 2025
เขียนโดย
SGE คืออะไร? ต่างจาก SEO เดิมอย่างไร?

เคยไหมที่อยากจะค้นหาอะไรสักอย่างในอินเตอร์เน็ต พอเจอเว็บน่าสนใจแล้วก็ต้องกดเข้าไปอ่านเข้าไปทำความเข้าใจอีกหลายต่อ กว่าจะได้คำตอบกว่าจะได้บทสรุปที่ต้องการก็ใช้เวลานาน ขัดกับพฤติกรรมการใช้อินเตอร์เน็ตของชาวยุค 5G ที่ต้องการความรวดเร็วและข้อสรุปในทันที

อีกทั้งในงานสัมมนาใหญ่ประจำปีของ Google หรือที่เรียกกันว่า  Google I/O เมื่อปี 2023 วันที่ 11 พฤษภาคม ได้เปิดตัว SGE (Search Generative Experience) อย่างเป็นทางการเป็นครั้งแรก

ผนวกกับการที่ AI หรือการนำระบบปัญญาประดิษฐ์เข้ามาช่วยทำสิ่งต่าง ๆ ในชีวิตประจำวันของผู้คนมากขึ้น โดยในปี 2024 ที่ผ่านมา QuantumBlack, AI by McKinsey หรือ หน่วยงานในเครือของบริษัท McKinsey & Company หนึ่งในบริษัทที่ปรึกษาด้านกลยุทธ์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งเชี่ยวชาญด้านการวิเคราะห์ข้อมูลขั้นสูง (Advanced Analytics) และ ปัญญาประดิษฐ์ (AI) เผยว่า อัตตราการที่ผู้คนใช้ AI เพิ่มขึ้นจาก 33% ในปี 2023 เป็น 71% ในปี 2024 การที่ Google เปิดตัว SGE จึงถือเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของ Google และวงการทำเว็บไซต์ทั่วโลก

SGE คืออะไร?

สมมติว่าเราอยากได้คำตอบอะไรสักอย่างจากกูเกิ้ล แต่พอเสิร์ชไปก็เจอคำตอบจากเว็บไซต์ต่าง ๆ หลากหลายตระการไปหมด SGE (Search Generative Experience) ฟีเจอร์ใหม่จาก Google จะเปรียบเสมือนผู้ที่ทำหน้าที่สรุปคำตอบอย่างรวบรัดมาให้ด้วยพลังการทำงานของ AI หรือจะว่าคล้าย ๆ กับ ChatGPT ที่ใครหลาย ๆ คนคุ้นเคยซึ่งจะสรุปคำตอบของคำถามมาให้เราสั้น ๆ อย่างกระชับได้ใจความนั่นเอง

เช่น สมมติว่า อยากจะรู้ว่า เที่ยวญี่ปุ่นช่วงไหนดี ระบบ SGE จะรวบคำตอบพร้อมเหตุผลโดยสรุปมาให้คุณ พร้อมทั้งแนบลิงก์ที่น่าเชื่อถือ ไม่ต้องเสียเวลากดจิ้มลิงก์ที่คิดว่าน่าสนใจเอาทีละลิงก์

การทำงานของ SGE

แล้วเจ้าผู้ช่วยของเรามีกระบวนการทำงานอย่างไรบ้างถึงสรุปคำตอบมาให้เราได้ครบครันขนาดนี้ พาสำรวจกระบวนการทำงานของ SGE

1. รับคำค้นจากผู้ใช้ (User Query)

  • ผู้ใช้พิมพ์คำค้น เช่น
    “เปรียบเทียบ iPhone 15 กับ Galaxy S24 รุ่นไหนดีในปี 2025?”

2. ใช้ AI ประมวลผลคำค้น (Query Understanding)

  • Google ใช้โมเดล AI ขนาดใหญ่ เช่น PaLM หรือ Gemini เพื่อเข้าใจความหมายและเจตนาของคำค้นอย่างลึกซึ้ง
  • พิจารณาว่าคำค้นต้องการคำตอบแบบไหน: ข้อเท็จจริง, เปรียบเทียบ, แนะนำ ฯลฯ

3. ค้นหาข้อมูลจากหลายแหล่ง (Retrieval)

  • ระบบดึงข้อมูลจากเว็บไซต์ที่น่าเชื่อถือ
  • เน้นแหล่งที่มีความเป็นผู้เชี่ยวชาญ (E-E-A-T) เช่น เว็บไซต์ข่าว, บทความจากผู้เชี่ยวชาญ, แหล่งข้อมูลทางวิชาการ ฯลฯ

4. สรุปคำตอบด้วย Generative AI (Summarization)

  • AI จะวิเคราะห์ข้อมูลทั้งหมดและเขียนคำตอบใหม่ ที่สรุปเนื้อหาสำคัญให้อ่านง่าย
  • ใช้ภาษาธรรมชาติที่เข้าใจง่าย เหมือนมีผู้ช่วยอธิบายให้ตรงประเด็น

5. แสดงผลในกล่อง “AI Overview”

  • คำตอบจะปรากฏในรูปแบบกล่องข้อความด้านบนของหน้า Google
  • ด้านล่างมี “ลิงก์อ้างอิง” เพื่อให้ผู้ใช้คลิกไปดูแหล่งข้อมูลต้นทางได้

6. มีปุ่มให้ถามต่อ (Follow-up)

  • ผู้ใช้สามารถคลิกเพื่อสอบถามเพิ่มเติมได้ทันที เช่น
    “แล้วรุ่นไหนเหมาะกับการถ่ายวิดีโอมากกว่ากัน?”

นอกจากนั้น SGE ยังเรียนรู้และพัฒนาตลอดเวลา ยิ่งมีคนใช้มาก ระบบ AI ก็เรียนรู้ว่าคำตอบแบบไหนที่ “ช่วยผู้ใช้ได้จริง” โดย Google จะใช้ข้อมูลฟีดแบ็ก เช่น การคลิก, การอ่านเพิ่มเติม, การถามต่อ มาช่วยปรับปรุงความแม่นยำของคำตอบมาให้เรา

ความแตกต่างระหว่าง SGE และ SEO พร้อมเคล็ดลับ ทำ SEO อย่างไรให้รอดในยุค SGE

แน่นอนว่าหลังจาก Google เปิดตัว SGE นั้นก็สร้างแรงกระทบกระเทือนต่อวงการผู้ทำ SEO (Search Engine Optimization) กันอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว แต่ถึงอย่างนั้นมันก็เป็นสิ่งที่ต้องทำความเข้าใจและปรับตัวให้ได้ เพราะถึงแม้ SEO จะยังสำคัญอยู่เช่นเคย แต่พฤติกรรมการค้นหาของผู้คนก็ได้เปลี่ยนไปแล้วสิ้นเชิง

ปัจจัยหลัก ๆ เลยก็คือ SEO เน้นให้คนกดเข้าเว็บไซต์

แต่การเข้ามาของ SGE ทำให้คนกดเข้าเว็บไซต์น้อยลง

เพราะมันช่วยสรุปคำตอบและนำมาแปะไว้ให้เราเห็นโดยที่ไม่ต้องกดเข้าไปในเว็บ ๆ นั้นเลยก็ยังได้ (หากต้องการแค่คำตอบสั้น ๆ หรือบทสรุปเท่านั้นล่ะก็)

ตารางเปรียบเทียบ SEO vs SGE 

เคล็ดลับ ทำ SEO อย่างไรให้รอดในยุค SGE

ถึง SGE ดูเหมือนจะมาล้ม SEO เพราะทำให้คนคลิกลิงก์เว็บไซต์น้อยลง แต่ SGE ก็เป็นส่วนหนึ่งของ SEO ที่คล้ายจะแตกแขนงแยกออกมา และ SGE ยังคงต้องพึ่งพา SEO เพื่อนำมาวิเคราะห์และมอบคำตอบที่ดีที่สุด กระชับที่สุดให้ผู้ใช้อยู่ดี เพราะหากไม่มีการทำ SEO ที่ดีมาก่อน SGE ก็คงไม่มีแหล่งคำตอบให้นำมาใช้

SEO ที่ดีก็เหมือนกับหนังสือเล่มหนึ่งที่มีคำตอบทุกอย่างอยู่ในนั้น

และ SGE ก็เปรียบเสมือนปากกาไฮไลท์ที่นำมาขีดคำตอบที่เราต้องการ

เราจะนำปากกาไปขีดคำตอบที่ไหนหากมันไม่มีคำตอบให้ขีด?

ดังนั้นจึงไม่ต้องตระหนกไปว่าการเข้ามาของ SGE จะทำให้ SEO หายไป แต่สิ่งที่ควรตระหนักเพิ่มคือ ในเมื่อการมีอยู่ของ SGE ได้กระตุ้นให้พฤติกรรมการค้นหาของผู้ใช้งานเปลี่ยนไปแบบนี้แล้ว เราควรจะพัฒนา SEO ให้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้นได้อย่างไรบ้าง

เหมือนกับการตั้งคำถามว่า

หนังสือ "มีคำตอบครบ" ไหม?

และคำตอบด้านใน "ดีพอจะถูกไฮไลท์" หรือเปล่า?

E-E-A-T กุญแจสำคัญในการคงความสมบูรณ์แบบของ SEO 

Sutee Proart ผู้สร้างและผู้บริหารประจำ topseoblog.com ค้นพบข้อมูลจากใน https://blog.google/  ว่า Google ยังใช้ E-E-A-T เป็นเกณฑ์ในการตัดสินคุณภาพเว็บไซต์ อันประกอบไปด้วย

หากมี EEAT ครบครันและตรวจสอบได้ ก็สามารถมั่นใจได้ว่าเว็บไซต์นั้นจะมีคุณภาพมากพอมีโอกาสสูงที่จะถูก SGE หยิบไปไฮไลท์คำตอบให้ผู้ใช้งานแน่นอน

contact-us
พูดคุย รับคำปรึกษา จากทีมงานของเราได้ฟรี!
(ตอบกลับภายใน 1 ชั่วโมง)
1. รับฟังปัญหาและความจำเป็นทางธุรกิจของคุณ
2. นำเสนอแผนกลยุทธ์ที่ครอบคลุม
3. ดำเนินขั้นตอนการตลาดพร้อมเริ่มผลลัพธ์ใน 24 ชั่วโมง
4. วัดผลแคมเปญและปรับปรุงต่อเนื่อง
contact-us