Google AI Mode คืออะไร? และมีประโยชน์อย่างไร?

October 31, 2025
Ni
เขียนโดย
Ni
Google AI Mode คืออะไร? และมีประโยชน์อย่างไร?

ยุคใหม่ของการค้นหาได้เริ่มขึ้นแล้ว บทความนี้จะเจาะลึกว่า Google AI Overviews (หรือที่หลายคนเรียกว่า Google AI Mode) คืออะไร, ทำงานอย่างไร, ส่งผลกระทบต่อผู้ใช้และเจ้าของเว็บไซต์อย่างไร และที่สำคัญที่สุด นักการตลาดและผู้สร้างคอนเทนต์ต้องปรับกลยุทธ์อย่างไรเพื่อ "ติดอันดับ" ในยุคแห่ง AI นี้

Google AI Overviews คืออะไร?

Google AI Overviews (หรือ Google AI Mode) คือ ฟีเจอร์การค้นหาอัจฉริยะที่ใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) สังเคราะห์ข้อมูลจากหลายแหล่งบนเว็บไซต์ เพื่อสร้าง คำตอบสรุปที่รวดเร็วและครอบคลุม ซึ่งจะแสดงผลอยู่ด้านบนสุดของหน้าผลการค้นหา (SERP)

แทนที่จะแสดงแค่รายการลิงก์แบบเดิม ๆ, AI Overviews มีจุดประสงค์เพื่อ:

  • ตอบคำถามที่ซับซ้อน: จัดการกับคำถามยาว ๆ หรือคำถามที่ต้องการคำตอบจากหลายแหล่งประกอบกัน
  • สังเคราะห์ข้อมูลให้ทันที: ผู้ใช้ได้คำตอบที่ตรงประเด็นทันที โดยไม่จำเป็นต้องคลิกเข้าหลายเว็บไซต์เพื่อปะติดปะต่อข้อมูลเอง
  • สร้างประสบการณ์เชิงสนทนา: ทำให้การค้นหาเป็นธรรมชาติเหมือนการพูดคุยกับผู้ช่วยอัจฉริยะ

หลักการทำงานเบื้องหลัง (How it Works)

Google AI Overviews ไม่ได้ทำงานโดยการ "คิด" คำตอบขึ้นมาเอง แต่ทำงานผ่านกระบวนการที่ซับซ้อนโดยใช้โมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLMs) ดังนี้:

  1. การทำความเข้าใจเจตนา (Intent Understanding): เมื่อคุณพิมพ์คำถาม AI จะใช้การประมวลผลภาษาธรรมชาติ (NLP) เพื่อวิเคราะห์ "เจตนาที่แท้จริง" (Search Intent) ที่อยู่เบื้องหลังคำถามนั้น แม้ว่าจะเป็นคำถามที่คลุมเครือหรือซับซ้อนก็ตาม
  2. การรวบรวมและประเมินผล (Gather & Evaluate): AI จะสแกนดัชนีข้อมูลมหาศาลของ Google เพื่อค้นหาเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องและน่าเชื่อถือ โดยให้น้ำหนักกับแหล่งข้อมูลที่แสดงถึง ความเชี่ยวชาญ, ประสบการณ์, ความน่าเชื่อถือ และความไว้วางใจ (E-E-A-T)
  3. การสังเคราะห์คำตอบ (Answer Synthesis): AI จะดึงข้อมูลสำคัญจากแหล่งข้อมูลเหล่านั้น มาสังเคราะห์ เรียบเรียงใหม่ ให้เป็นคำตอบเดียวที่กระชับและเข้าใจง่าย
  4. การอ้างอิงแหล่งที่มา (Citation): ที่สำคัญที่สุด AI Overviews จะแสดงลิงก์ไปยังเว็บไซต์ที่เป็นแหล่งข้อมูลอ้างอิง เพื่อให้ผู้ใช้สามารถคลิกเข้าไปอ่านรายละเอียดเชิงลึกต่อได้

ผลกระทบของ Google AI Mode ต่อภูมิทัศน์อินเทอร์เน็ต

การเปลี่ยนแปลงนี้สร้างแรงกระเพื่อมครั้งใหญ่ ทั้งต่อผู้ใช้งานและเจ้าของเว็บไซต์

ผลกระทบต่อผู้ใช้งาน (User Behavior)

  • คำถามยาวและซับซ้อนขึ้น: ผู้ใช้มีแนวโน้มที่จะถามคำถามที่เป็นประโยคยาว ๆ หรือเชิงสนทนามากขึ้น (Long-tail Conversational Queries) เพราะมั่นใจว่า AI สามารถเข้าใจได้
  • "Zero-Click Searches" อาจเพิ่มขึ้น: สำหรับคำถามง่าย ๆ ที่ AI สรุปให้จบได้เลย ผู้ใช้อาจไม่จำเป็นต้องคลิกไปยังเว็บไซต์ใด ๆ อีก (แม้ว่า Google จะยืนยันว่า AI Overviews ถูกออกแบบมาเพื่อส่งเสริมการคลิกไปยังข้อมูลเชิงลึกก็ตาม)

ผลกระทบต่อเว็บไซต์และธุรกิจ (Website Traffic)

  • Organic Traffic อาจลดลง: เว็บไซต์ที่เคยพึ่งพาทราฟฟิกจากคำถามข้อเท็จจริงง่าย ๆ (เช่น "อุณหภูมิวันนี้") อาจเห็นทราฟฟิกลดลง
  • การแข่งขันเปลี่ยนไป: การแข่งขันไม่ได้อยู่ที่ "อันดับ 1" แบบเดิม ๆ แต่อยู่ที่การ "ถูก AI เลือก" (Get Cited) ไปเป็นส่วนหนึ่งของคำตอบ

กลยุทธ์ SEO ยุคใหม่: ทำอย่างไรให้เนื้อหา "ติด" AI Overviews (LLMO Strategy)

การทำ SEO แบบเดิมที่เน้นคีย์เวิร์ดอาจไม่เพียงพอ เป้าหมายใหม่คือการสร้างเนื้อหาที่ AI "ชอบ" และ "เชื่อถือ" จนเลือกนำไปใช้ นี่คือกลยุทธ์สำคัญ:

1. เน้น E-E-A-T อย่างเข้มข้น (Expertise, Experience, Authoritativeness, Trustworthiness)

นี่คือหัวใจสำคัญที่สุด AI ถูกฝึกมาให้มองหาแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ

  • Expertise (ความเชี่ยวชาญ): เนื้อหาต้องเขียนโดยผู้เชี่ยวชาญในเรื่องนั้น ๆ
  • Experience (ประสบการณ์): แสดงหลักฐานการใช้งานจริง, รีวิว, หรือกรณีศึกษา (Case Study)
  • Authoritativeness (ความน่าเชื่อถือ): สร้างตัวตนของผู้เขียน (Author Bio) และทำให้เว็บไซต์เป็นที่ยอมรับในอุตสาหกรรม
  • Trustworthiness (ความไว้วางใจ): ข้อมูลต้องถูกต้อง, อัปเดตเสมอ, และมีแหล่งอ้างอิงชัดเจน

2. สร้างเนื้อหาที่ "ตอบจบในที่เดียว" (Comprehensive Content)

AI ต้องการสังเคราะห์ข้อมูลจากแหล่งที่ให้คำตอบได้ครบถ้วนที่สุด

  • เจาะลึก (In-depth): แทนที่จะเขียนบทความสั้น ๆ หลายบทความ ให้เขียน 1 บทความที่เจาะลึกทุกแง่มุมของหัวข้อนั้น
  • ตอบคำถามย่อย (Sub-topics): คาดเดาคำถามต่อเนื่องที่ผู้ใช้อาจสงสัย และตอบคำถามเหล่านั้นไว้ในบทความเดียวกัน

3. จัดโครงสร้างข้อมูลให้ AI "อ่านง่าย" (Structured Content)

LLM ไม่ได้ "อ่าน" แบบมนุษย์ แต่มัน "Parse" (วิเคราะห์โครงสร้าง) ข้อมูล การจัดโครงสร้างที่ดีจะช่วยให้ AI ดึงข้อมูลไปใช้ได้แม่นยำ

  • ใช้หัวข้อย่อย (H2, H3): แบ่งเนื้อหาเป็นส่วน ๆ อย่างชัดเจน
  • ใช้ Lists (Bullet Points หรือ Numbered Lists): สำคัญมาก! AI Overviews มักแสดงผลลัพธ์เป็นขั้นตอน (Numbered List) หรือเป็นคุณสมบัติต่าง ๆ (Bullet Points) การใช้ List ในบทความของคุณจึงเป็นการป้อนข้อมูลให้ AI โดยตรง
  • ใช้ตาราง (Tables): เหมาะสำหรับการเปรียบเทียบข้อมูล
  • ใช้ Blockquotes: สำหรับการเน้นคำจำกัดความ หรือคำพูดสำคัญ

4. ตอบคำถามโดยตรงและใช้ภาษาธรรมชาติ (Direct Answers & Natural Language)

เขียนให้เหมือนมนุษย์คุยกัน และตอบคำถามให้ชัดเจน

  • สร้างส่วน FAQ (คำถามที่พบบ่อย): การมีส่วน FAQ ในบทความที่ตอบคำถามยอดนิยม (เช่น "วิธี...", "คืออะไร...", "ทำไม...") เป็นวิธีที่ยอดเยี่ยมในการบอก AI ว่าคุณมีคำตอบ
  • ให้คำจำกัดความที่ชัดเจน: เริ่มต้นย่อหน้าด้วยการตอบคำถามหลักทันที (เหมือนที่ผมทำในหัวข้อ "Google AI Overviews คืออะไร?")

5. ใช้ Schema Markup (Structured Data)

แม้ AI จะฉลาดขึ้น แต่ Schema Markup ยังคงเป็น "ป้ายบอกทาง" ที่ดีที่สุดสำหรับ Search Engine

  • FAQPage Schema: ใช้กับส่วน FAQ ของคุณ
  • HowTo Schema: ใช้กับบทความที่เป็นขั้นตอน
  • Article/NewsArticle Schema: ช่วยระบุประเภทของเนื้อหา

วิธีปิด (หรือเลี่ยง) Google AI Overviews

สำหรับผู้ใช้ที่อาจยังไม่คุ้นชินและต้องการผลการค้นหาแบบลิงก์ดั้งเดิม Google ไม่ได้มีปุ่ม "ปิดถาวร" แต่มีวิธีที่ง่ายที่สุดในปัจจุบันคือ:

  • ใช้ฟิลเตอร์ "Web":
    1. ค้นหาตามปกติใน Google
    2. เมื่อผลการค้นหา (ที่มี AI Overviews) แสดงขึ้นมา
    3. ที่แถบเครื่องมือใต้ช่องค้นหา (ที่มี All, Images, News) ให้คลิกที่ "Web" (ในบางครั้งอาจซ่อนอยู่ในเมนู "More")
    4. ผลการค้นหาจะเปลี่ยนไปแสดงเฉพาะรายการลิงก์เว็บไซต์แบบดั้งเดิม โดยไม่มี AI Overviews

คำถามที่พบบ่อย (FAQ)

Q1: AI Overviews (SGE) ของ Google คืออะไร?
A: คือสรุปคำตอบที่สร้างโดย AI ซึ่งจะแสดงอยู่ด้านบนสุดของผลการค้นหา ช่วยให้ผู้ใช้ได้ข้อมูลที่กระชับรวดเร็วจากหลายแหล่ง โดยไม่ต้องคลิกเข้าไปดูทีละเว็บไซต์

Q2: Google AI Mode จะเปลี่ยนพฤติกรรมการค้นหาหรือไม่?
A: เปลี่ยนแน่นอนครับ ผู้ใช้มีแนวโน้มที่จะค้นหาด้วยประโยคยาว ๆ และเป็นเชิงสนทนามากขึ้น และอาจส่งผลให้เกิด "Zero-click searches" (การค้นหาที่ไม่เกิดการคลิก) เพิ่มขึ้นในคำถามง่าย ๆ

Q3: วิธีทำให้เว็บไซต์ติดอันดับใน Google AI Overviews ทำอย่างไร?
A: มุ่งเน้นการสร้างเนื้อหาคุณภาพสูงที่ยึดหลัก E-E-A-T (ความเชี่ยวชาญ, ประสบการณ์, ความน่าเชื่อถือ), สร้างเนื้อหาที่เจาะลึกและครอบคลุม, และจัดโครงสร้างเนื้อหาให้ AI อ่านง่าย (เช่น ใช้ Bullet Points, Numbered Lists, และหัวข้อย่อยที่ชัดเจน)

Q4: เราสามารถปิดฟีเจอร์ AI Overviews ของ Google ได้หรือไม่?
A: ไม่สามารถ "ปิดถาวร" ได้ แต่คุณสามารถ "เลี่ยง" การแสดงผล AI Overviews ในการค้นหาแต่ละครั้งได้ โดยการใช้ฟิลเตอร์ "Web" บนหน้าผลการค้นหา ซึ่งจะแสดงเฉพาะลิงก์เว็บไซต์แบบดั้งเดิมครับ

แหล่งอ้างอิง

contact-us
พูดคุย รับคำปรึกษา จากทีมงานของเราได้ฟรี!
(ตอบกลับภายใน 1 ชั่วโมง)
1. รับฟังปัญหาและความจำเป็นทางธุรกิจของคุณ
2. นำเสนอแผนกลยุทธ์ที่ครอบคลุม
3. ดำเนินขั้นตอนการตลาดพร้อมเริ่มผลลัพธ์ใน 24 ชั่วโมง
4. วัดผลแคมเปญและปรับปรุงต่อเนื่อง
contact-us