แม้ SEO จะดูเหมือนเป็นกลยุทธ์ที่ไม่ต้องจ่ายค่าโฆษณาโดยตรงเหมือน Google Ads แต่ความจริงแล้ว SEO ต้องใช้ทั้งทรัพยากร เวลา และความเชี่ยวชาญเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะมีการวิเคราะห์คีย์เวิร์ด การปรับแต่งเนื้อหา การเขียนบทความคุณภาพ การปรับโครงสร้างเว็บไซต์ รวมไปถึงการสร้าง Backlink จากแหล่งน่าเชื่อถือ และองค์ประกอบอื่น ๆ ที่ต้องใช้เงินลงทุนเพื่อแลกกับงานที่ได้คุณภาพ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ต้องใช้ทั้งแรงงานและเครื่องมือเฉพาะทาง จึงส่งผลต่อค่าใช้จ่ายรวมทั้งหมด
เพราะการทำ SEO ไม่ใช่เพียงการปรับแต่งเว็บไซต์ให้ติดอันดับบน Google เท่านั้น แต่ยังเป็นการลงทุนระยะยาวเพื่อเพิ่มโอกาสทางธุรกิจและผลกำไรอย่างยั่งยืน ซึ่งคำถามที่เจ้าของธุรกิจมักจะถามกันเสมอก็คือ “แล้วต้องใช้งบประมาณเท่าไร?” หรือ “ลงทุนกับ SEO คุ้มค่าจริงหรือไม่?”
รูปแบบค่าใช้จ่ายในการทำ SEO 1. ค่าใช้จ่ายแบบรายครั้ง (One-time setup) ค่าใช้จ่ายเริ่มต้นในการวางโครงสร้าง SEO เช่น
Audit เว็บไซต์ วิเคราะห์คีย์เวิร์ด ปรับโครงสร้างเว็บให้เป็นมิตรกับ Google ช่วงราคา: 5,000 – 50,000 บาท ขึ้นอยู่กับขนาดของเว็บไซต์
2. ค่าใช้จ่ายรายเดือน (Monthly Retainer) การทำ SEO ต้องทำอย่างต่อเนื่องเพื่อรักษาอันดับ
เขียนบทความ SEO เดือนละ 2-10 บท สร้าง Backlink อย่างสม่ำเสมอ ปรับเนื้อหาและเว็บไซต์ให้ทันต่ออัลกอริธึมใหม่ ๆ ช่วงราคา: 10,000 – 100,000 บาท/เดือน บริษัทขนาดเล็กอาจเริ่มที่ 10,000–20,000 บาท ส่วนบริษัทขนาดใหญ่หรือแข่งขันสูง อาจใช้มากกว่านั้น
3. ค่าใช้จ่ายแบบจ่ายตามผลงาน (Performance-based SEO) บางเอเจนซีนำเสนอแพ็คเกจที่คิดเงินเมื่อคำค้นติดอันดับจริง เช่น คิดเฉพาะเมื่ออยู่ในหน้าแรกของ Google
ข้อดี : ไม่ต้องเสี่ยงจ่ายหากยังไม่เห็นผล
ข้อเสีย : อาจได้บริการคุณภาพต่ำหรือใช้วิธีที่ไม่ปลอดภัย (Black Hat SEO)
4. ค่าใช้จ่ายเครื่องมือ SEO (SEO Tools) หากคุณทำ SEO ด้วยตนเอง หรือจ้างฟรีแลนซ์ อาจต้องจ่ายค่าเครื่องมือ SEO เพิ่มเติม เช่น Ahrefs / SEMrush / Moz / Google Search Console / Google Analytics
ช่วงราคา: ฟรี – 10,000+ บาท/เดือน
ควรเตรียมค่าอะไรบ้าง? 1. ค่าจ้างเอเจนซี่หรือผู้เชี่ยวชาญ SEO หากคุณเลือกจ้างบริษัทเอเจนซี่ หรือฟรีแลนซ์ที่เชี่ยวชาญด้าน SEO คุณจะต้องเตรียมงบประมาณเฉลี่ยดังนี้
ฟรีแลนซ์ระดับเริ่มต้น 5,000 – 15,000 บาท/เดือน ฟรีแลนซ์ระดับมืออาชีพ 15,000 – 30,000 บาท/เดือน เอเจนซี่ขนาดเล็ก – กลาง 20,000 – 60,000 บาท/เดือน เอเจนซี่ระดับพรีเมียม 70,000 – 200,000+ บาท/เดือน
ซึ่งราคาขึ้นอยู่กับปริมาณงาน ความซับซ้อนของธุรกิจ และเป้าหมายที่ต้องการ
2. ค่าใช้จ่ายด้าน Content ค่าจ้างนักเขียน SEO บทความ SEO ที่ดีต้องวางโครงสร้างให้เหมาะกับทั้งผู้อ่านและ Google ราคาต่อบทความอยู่ที่ 800 – 3,000 บาท ขึ้นอยู่กับความยาวและคุณภาพ ค่าออกแบบรูปภาพ/Infographic 500 – 3,000 บาท/ชิ้น ค่าทำวิดีโอสั้น 2,000 – 10,000 บาท/คลิป หากใช้เสริม SEO และแชร์บนโซเชียล 3. ค่าใช้จ่ายด้าน Technical SEO ค่าใช้จ่ายในการพัฒนาเว็บไซต์ หากต้องปรับโครงสร้างเว็บให้เหมาะกับ SEO อาจมีค่าใช้จ่ายในการจ้างนักพัฒนา 5,000 – 50,000 บาท ขึ้นอยู่กับขนาดของเว็บไซต์ การทำ Mobile-friendly, เพิ่มความเร็วเว็บไซต์ 10,000 – 30,000 บาท หากต้องปรับแก้หรืออัปเดตครั้งใหญ่ SSL และ Hosting คุณภาพสูง 1,000 – 10,000 บาท/ปี 4. ค่าเครื่องมือ SEO มีเครื่องมือหลายตัวที่ช่วยให้การทำ SEO มีประสิทธิภาพมากขึ้น เช่นAhrefs / SEMrush / Moz เริ่มต้นที่ประมาณ 3,000 – 10,000 บาท/เดือน Google Ads Keyword Planner ใช้ฟรี แต่การใช้คู่กับโฆษณาก็มีค่าใช้จ่าย Google Analytics / Google Search Console ใช้งานฟรีแต่ต้องใช้ความรู้ในการวิเคราะห์
5. ค่าใช้จ่ายในการทำ Link Building (Off-page SEO) การจ้างทำ Backlink ลิงก์จากเว็บไซต์คุณภาพเริ่มต้นที่ 500 – 5,000 บาท/ลิงก์ Guest Posting 1,000 – 10,000 บาท/โพสต์ ขึ้นอยู่กับความน่าเชื่อถือของเว็บเป้าหมาย
ตารางเปรียบเทียบระหว่างจ้างเอเจนซีกับทำ SEO เอง
เคล็ดลับในการเลือกลงทุน SEO ให้คุ้มค่า กำหนดเป้าหมายให้ชัด เช่น ต้องการเพิ่มยอดขาย หรือเพียงเพิ่มทราฟฟิก เลือกบริการที่โปร่งใส มีรายงานและการอัปเดตงานให้ดูทุกเดือน อย่าหลงราคาถูก บริการราคาถูกมาก อาจใช้เทคนิคที่ผิดและเสี่ยงโดนแบนจาก Google ลงทุนระยะยาว SEO ต้องใช้เวลาอย่างน้อย 3-6 เดือนจึงจะเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน การทำ SEO อาจไม่ใช่การลงทุนที่เห็นผลในทันที แต่ผลลัพธ์ที่ยั่งยืน เช่น อันดับดีขึ้น, ยอดเข้าชมเพิ่มขึ้น, และยอดขายที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง ล้วนทำให้ SEO เป็นการลงทุนที่คุ้มค่าหากวางแผนและเลือกผู้ให้บริการอย่างรอบคอบ
อย่าลืมว่า SEO ไม่ใช่แค่ “ค่าใช้จ่าย” แต่คือ “การลงทุนให้กับอนาคตของธุรกิจ”