วิธีวิเคราะห์ว่าเว็บไซต์คุณรองรับ SGE แล้วหรือยัง?

May 9, 2025
เขียนโดย
วิธีวิเคราะห์ว่าเว็บไซต์คุณรองรับ SGE แล้วหรือยัง?

"เตรียมเว็บไซต์สู่อนาคต วิธีประเมินความพร้อมสำหรับยุค SGE ของ Google"

ในเมื่อโลกแห่งเทคโนโลยีได้ก้าวเข้าสู่ยุคแห่ง AI และ SGE แล้ว สำหรับนักธุรกิจนักทำเว็บไซต์จึงควรรับมือเตรียมพร้อมกับรวบรวมวิธีการตรวจสอบ เช็กง่าย ๆ ว่าเว็บไซต์พร้อมสำหรับ SGE หรือยัง พร้อมแนววิเคราะห์และการเตรียมความพร้อมเบื้องต้นสำหรับยุค AI Search

สามารถตรวจสอบด้วยตนเอง ตามขั้นตอนง่าย ๆ ดังนี้

1. ตรวจสอบการแสดงผลใน SGE ด้วยตนเอง

  1. ให้ไปที่ >> https://labs.google.com/search

  2. ลงชื่อเข้าใช้งาน (เฉพาะผู้ที่อยู่ในประเทศที่รองรับ เช่น สหรัฐอเมริกา)

  3. ค้นหาคำหลัก (Keywords) ที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์ของคุณ

  4. ดูว่าเว็บไซต์ของคุณปรากฏในกล่อง AI ที่แสดงผลหรือไม่

2. วิเคราะห์คุณสมบัติของเนื้อหาบนเว็บไซต์

เนื้อหาที่รองรับ SGE มักจะมีลักษณะดังนี้

  • ตอบคำถามได้ตรงจุด (Answer-focused) เช่น มีการใช้คำถาม-คำตอบในบทความ

  • ใช้โครงสร้าง HTML ที่เป็นมิตรกับ AI เช่น Header Tags (H1, H2, H3)

  • ข้อมูลที่อัปเดตและน่าเชื่อถือ

  • มี Schema Markup (Structured Data) เช่น FAQPage, HowTo, Article

วิธีตรวจสอบมีดังนี้

  • ใช้เครื่องมือตรวจ Schema เช่น https://validator.schema.org/

  • ตรวจสอบบทความว่ามีการจัดแบ่งหัวข้อชัดเจนหรือไม่

  • ใช้เครื่องมือ SEO Audit อย่าง Ahrefs, Semrush หรือ Screaming Frog วิเคราะห์โครงสร้าง HTML

3. ตรวจสอบว่าเว็บไซต์ของคุณมี E-E-A-T หรือไม่

E-E-A-T คือหลักการที่ Google ใช้ประเมินคุณภาพของเนื้อหาในปัจจุบัน:

  • Experience (ประสบการณ์ของผู้เขียน)

  • Expertise (ความเชี่ยวชาญ)

  • Authoritativeness (ความน่าเชื่อถือของผู้เขียน)

  • Trustworthiness (ความถูกต้องของข้อมูล)

วิธีวิเคราะห์

  • มีชื่อผู้เขียนหรือไม่?

  • มีแหล่งอ้างอิงจากเว็บไซต์ที่เชื่อถือได้หรือไม่?

  • มีหน้า “เกี่ยวกับเรา” หรือข้อมูลติดต่อที่ชัดเจนหรือไม่?

SGE จะเลือกข้อมูลจากแหล่งที่ดู “น่าเชื่อถือ” มากกว่าข้อมูลที่ไม่มีแหล่งอ้างอิงหรือไม่มีเจ้าของชัดเจน

4. ดูข้อมูลจาก Google Search Console

ในช่วงนี้ Google ยังไม่แสดงข้อมูล "SGE Ranking" โดยตรงใน Google Search Console
แต่สามารถใช้ข้อมูลได้ เช่น

  • Search Appearance > Rich Results

  • Impressions and Clicks สำหรับบทความแบบ FAQ, How-to, Snippets
    เพื่อประเมินว่า Google เริ่มเข้าใจเนื้อหาคุณมากน้อยแค่ไหน

หากบทความของคุณมี CTR สูงในกลุ่มคำถาม (question-based keywords) แปลว่า Google อาจพิจารณาเนื้อหาคุณสำหรับ SGE

5. ใช้เครื่องมือ AI เพื่อจำลอง SGE

มีบางเครื่องมือที่เริ่มเลียนแบบพฤติกรรมของ SGE เช่น

  • Perplexity.ai

  • You.com

  • Bing AI Chat (Copilot)

ลองใส่คำค้นหาในเครื่องมือเหล่านี้ เพื่อดูว่า AI สรุปข้อมูลจากเว็บไซต์ของคุณหรือไม่ หากใช่ แปลว่าโครงสร้างของเนื้อหานั้นเป็นมิตรกับ AI ซึ่งเป็นสัญญาณว่าอาจเหมาะกับ SGE ด้วย

เคล็ดลับการปรับเว็บไซต์ให้พร้อมสำหรับ SGE

1. สร้างคอนเทนต์ที่ตอบคำถามอย่างแท้จริง (Answer-centric Content)

AI ของ Google มีเป้าหมายชัดเจนคือ “หาคำตอบที่ดีที่สุด” ให้กับผู้ใช้ ดังนั้นคุณต้อง:

  • วิเคราะห์ Intent ของคำค้นหาอย่างละเอียด

  • เขียนเนื้อหาให้ตอบตรงประเด็นตั้งแต่ย่อหน้าแรก

  • ใช้ภาษาธรรมดา ไม่ซับซ้อน แต่ยังมีความน่าเชื่อถือ

ตัวอย่างเช่น หากคำค้นคือ "วิตามิน C มีประโยชน์อะไร" อย่าเริ่มด้วยประวัติของวิตามิน C แต่ให้ตอบทันทีว่า “วิตามินซีช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน ป้องกันหวัด และต้านอนุมูลอิสระ”

2. ปรับโครงสร้างเนื้อหาให้เป็นมิตรกับ AI

AI ชอบสิ่งที่มี “โครงสร้าง” เพราะมันทำให้เข้าใจเนื้อหาได้ง่ายขึ้น Google มักเลือกย่อหน้าที่มี 2-3 บรรทัด และใช้ประโยคเรียบง่ายไปแสดงในกล่อง SGE

สิ่งที่ควรทำ ได้แก่

  • ใช้ Heading อย่างถูกต้อง: H1, H2, H3

  • แบ่งย่อหน้าสั้น ๆ

  • ใช้ Bullet Point และ Numbered List

  • ใส่ Table หากเหมาะสม

  • สรุปตอนท้ายบทความ

3. ใส่ Structured Data (Schema Markup)

Structured Data คือโค้ดที่ช่วยให้ Google เข้าใจประเภทของเนื้อหาบนเว็บไซต์ เช่น บทความ, FAQ, HowTo, Product ฯลฯ

SGE ใช้ข้อมูลจาก Schema เพื่อดึงคำตอบที่แม่นยำที่สุด เช่น

  • FAQPage → คำถาม-คำตอบ

  • HowTo → ขั้นตอนการทำสิ่งต่าง ๆ

  • Article → บทความข่าว หรือข้อมูลเชิงลึก

เครื่องมือที่แนะนำ

  • Schema.org – ดูรูปแบบที่ Google รองรับ

  • Google Rich Results Test – ทดสอบว่าหน้าเว็บของคุณมี Schema ถูกต้องไหม

4. เสริมความน่าเชื่อถือด้วย E-E-A-T

EEAT ย่อมาจาก Experience, Expertise, Authoritativeness, Trustworthiness เป็นหลักการที่ Google ใช้ ตัดสินว่าเนื้อหานั้นเชื่อถือได้หรือไม่ โดยเฉพาะในหมวด YMYL (Your Money Your Life) เช่น สุขภาพ การเงิน การศึกษา ฯลฯ

ดังนั้นสิ่งที่ควรปรับคือ

  • ใส่ชื่อผู้เขียน และประวัติสั้น ๆ ของเขา

  • อ้างอิงแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ เช่น งานวิจัย, หน่วยงานรัฐ

  • มีหน้า About / Contact / Privacy Policy ครบถ้วน

  • ใส่วันที่เผยแพร่ และวันที่อัปเดตเนื้อหา

5. ตอบคำถามแบบ Q&A และใช้ Section-based Content

หลายคำค้นใน SGE ดึงข้อมูลจากเว็บไซต์ที่มีรูปแบบ “คำถาม-คำตอบ” หรือแยกเป็นหัวข้อย่อยชัดเจน

ตัวอย่างรูปแบบที่ได้ผล

## คำถาม: การออกกำลังกายแบบ HIIT คืออะไร?

HIIT (High-Intensity Interval Training) คือการออกกำลังกายที่มีความเข้มข้นสูงสลับกับช่วงพักในเวลาสั้น ๆ…

หรือใช้รูปแบบ “Top 5...” เช่น

## 5 วิธีลดน้ำหนักที่ได้ผลเร็วที่สุด

1. คุมอาหารแบบ Low-carb  

2. เดินวันละ 10,000 ก้าว  

3. ดื่มน้ำให้เพียงพอ...

6. เพิ่มความเร็วและรองรับมือถือ (Core Web Vitals)

แม้ AI จะเน้นเนื้อหา แต่ Google ยังให้ความสำคัญกับ คุณภาพด้านเทคนิคของเว็บไซต์ เช่น

  • Page Speed (LCP < 2.5 วินาที)

  • Mobile-Friendly

  • ใช้ HTTPS

  • ไม่มีโฆษณาบดบัง หรือ UX ที่ทำให้ผู้ใช้สับสน

แนะนำให้ทดสอบ

  • PageSpeed Insights

  • Google Mobile-Friendly Test

7. ใช้ภาษาธรรมชาติ ไม่แข็งเหมือน “เขียนเพื่อ SEO”

AI ของ SGE ไม่ได้มองแค่ “คีย์เวิร์ด” แต่ดูว่าเขียนอย่างเข้าใจจริงหรือเปล่า

  • หลีกเลี่ยงการยัดคำค้นลงไปเยอะเกิน

  • ใช้ประโยคที่ไหลลื่น อ่านเหมือนคนจริงเขียน

  • เขียนด้วย “น้ำเสียงของผู้เชี่ยวชาญที่อยากช่วยผู้อ่าน”

เครื่องมือที่ช่วยเตรียมเว็บไซต์ให้พร้อมสำหรับ SGE

สรุปได้ว่า

การวิเคราะห์ว่าเว็บไซต์รองรับ SGE หรือยังไม่ใช่เรื่องซับซ้อน หากเข้าใจหลักการทำงานของ AI และการจัดโครงสร้างเนื้อหาให้ถูกต้องตามหลัก SEO ที่ทันสมัย

สิ่งที่ควรจำไว้เสมอคือ เว็บไซต์ที่ "เป็นมิตรกับ AI" จะมีโอกาสสูงในการแสดงผลใน SGE และสามารถดึงดูดทราฟฟิกได้โดยไม่ต้องพึ่งเพียงตำแหน่งอันดับใน Google แบบเดิมอีกต่อไป

contact-us
พูดคุย รับคำปรึกษา จากทีมงานของเราได้ฟรี!
(ตอบกลับภายใน 1 ชั่วโมง)
1. รับฟังปัญหาและความจำเป็นทางธุรกิจของคุณ
2. นำเสนอแผนกลยุทธ์ที่ครอบคลุม
3. ดำเนินขั้นตอนการตลาดพร้อมเริ่มผลลัพธ์ใน 24 ชั่วโมง
4. วัดผลแคมเปญและปรับปรุงต่อเนื่อง
contact-us